จากประสบการณ์และความสำเร็จของ 'โต้ง - บรรจง ปิสัญธนะกูล'
ผู้กำกับพันล้านมากความสามารถที่เคยทำให้ผู้ชมหลอนหนักจาก 'ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ', ระทึกคูณสองกับ 'แฝด' , หัวเราะทั้งประเทศกับ 'พี่มาก..พระโขนง', โฮแมนติกแบบ 'กวน มึน โฮ' ,
หนาวแต่อบอุ่นแบบ 'แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว' และยังทำให้ความน่ากลัวสไตล์ไทยกลายเป็นภาษาสากลจาก 'ร่างทรง' ฯลฯ
ล่าสุด 'โต้ง' มาพร้อมกับอีกหนึ่งมิชชัน คือการพาผู้ชมหวนกลับไปคิดถึง 'รักแรก' ครั้งวันวานในฐานะโปรดิวเซอร์ 'เธอกับฉันกับฉัน' ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ GDH
กำกับโดยสองผู้กำกับฝาแฝด 'วรรณแวว-แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์'
ถือเป็น 'Coming of Age' สำคัญของหนังไทยเรื่องหนึ่ง
ซึ่งเปี่ยมไปด้วย 'Magic' จากพลังคนรุ่นใหม่..
ก้าวแรกสู่การเป็น 'โปรดิวเซอร์' เต็มตัว
“ที่ผ่านมา ผมเคยโปรดิวซ์แค่หนังของตัวเอง ‘เธอกับฉันกับฉัน’ ถือเป็นเรื่องแรก จุดเริ่มต้นมาจากทางผู้กำกับ ‘วรรณแวว-แวววรรณ’ ส่งบทเข้ามาให้ทางออฟฟิศพิจารณา เมื่อผมได้อ่านก็ชอบมากๆ เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ฝาแฝดที่พิเศษ มีความเป็นหนังรัก ดราม่า มีความเติบโต อ่านสนุกมาก มีดีเทลแบบที่เราคิดไม่ได้ เราอยากเห็นหนังแบบนี้ มันมีความละเมียดละไม น่าประทับใจ ในฐานะที่เป็นคนดูหนังไทย ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ผมมองหา มันเป็นบรรยากาศที่ไม่ได้เห็นในหนังไทยมานานมากแล้ว”
“สำหรับชื่อเรื่อง มีที่มาจากสมัยก่อนตอนผมเป็นวัยรุ่น มีนิตยสารที่ดังมาก ๆ คือ ‘เธอกับฉัน’ ของพี่พจน์ อานนท์ เราเลยเชื่อมโยงความเป็นฝาแฝดด้วยชื่อเรื่องคือ ‘เธอกับฉันกับฉัน’ ซึ่งชื่อนี้ยังทำให้ประเด็นความรักที่มีมากกว่า 2 คนออกมาด้วย”
ครั้งแรกของผู้กำกับฝาแฝด 'วรรณแวว-แวววรรณ'
“เรื่องนี้เป็นงานกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของ วรรณแวว-แวววรรณ ก่อนหน้านี้เราไม่ได้สนิทกันเท่าไร แต่พอร่วมงานกันได้แป๊บเดียวก็รู้เลยว่าสองคนนี้เก่งมาก เราได้เห็นการเตรียมงานทุกกระบวนการในฐานะโปรดิวเซอร์ เขาเป็นผู้กำกับที่ไดเรกชันคมมาก มีการถ่ายทำบางอย่างที่วิเศษ ทั้งวิธีการวางกล้อง วิธีการถ่ายทำ การเลือกที่จะเล่าในมุมแบบนี้ แตกต่างจากหนังไทยเรื่องอื่น”
“ในความเป็นโปรดิวเซอร์ เราจะไกด์ทิศทางที่ทำให้น้องเจอทางที่ใช่ได้ง่ายขึ้น เหมือนเราถอยมาดูภาพรวมให้ เราดูฟุตเตจทุกวัน พอจะบอกได้ว่ามันขาดสิ่งนี้นะ หรือสิ่งนี้ดีแล้วนะ ขยี้ตรงนี้ไหม อะไรอย่างนี้ แต่โดยรวมผมว่าเขาเก่งมากๆอยู่แล้ว”
'ใบปอ' นางเอกหน้าใหม่ กับบทบาทแรกสุดท้าทาย
“สำหรับการเฟ้นหานักแสดง ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ผมอยู่ในกระบวนการตัดสินใจกับผู้กำกับด้วยเลย ตอนแรก หนังตั้งใจจะหาฝาแฝดจริงเพื่อมารับบท ‘ยู’ กับ ‘มี’ เพราะการถ่ายทำแบบไม่ใช่แฝดมันยากมากๆ แต่ด้วยบทที่ยาก และนักแสดงต้องมีเสน่ห์มากๆ เราจึงยังไม่เจอที่เหมาะสม”
“ 'ใบปอ' เป็นแคสเดียวที่ไม่ใช่แฝด ผมเห็นภาพน้องจากเฟซบุ้คเพื่อนช่างภาพก่อน น้องเค้า Photogenic ขึ้นกล้องมาก ไม่ใช่แค่น่ารักธรรมดา แต่เขาดูมีพลังดาราในแบบอินเตอร์ เหมือน Asian Star ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก เลยแชร์ไปกับทางผู้กำกับ แวววรรณ-วรรณแวว เขาก็เห็นตรงกัน กลายเป็นตัวเลือกที่ไม่ใช่ฝาแฝดคนเดียวเลยที่เรียกมาเจอกัน ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างกล้าหาญมาก เพราะว่าเจอปุ๊บ แป๊บเดียวก็เคาะเลยครับ น้องเองมีความต่างจากบทเยอะมาก ไหนจะต้องเล่นเป็น 2 คนอีก ตอนแรกก็หนักใจ แต่เขาทำได้ กลายเป็นว่าเหมือนค้นพบเพชร”
“พี่เก้ง จิระ เคยบอกว่าผมมีดวงในการหานางเอก ผมรู้สึกว่าดวงนี้ยังไม่หายไปนะ
เจอคนนี้เหมือนเราเจอสิ่งเซอร์ไพรส์มากๆ เหมือนถูกหวยเลย ต้องใช้คำนี้“
ก้าวแรกของ 'โทนี่' ในบทพระเอก ผู้เสก Magic Moments
“ 'โทนี่' จะแตกต่างจากใบปอ ตรงที่เราแคสมหาศาล ด้วยความที่ในเรื่องต้องเป็นเด็ก ม.ต้น เด็กวัยนี้หายากมาก ซึ่งบทนี้มีสองคนที่เข้ารอบสุดท้าย ผมกับทางผู้กำกับถกกันนานมาก กระทั่งวันที่ต้องเคาะยังเสียงแตกเลยครับว่าจะเป็นโทนี่หรือจะเป็นอีกคนนึง แต่ละคนมันมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน คนนี้ดีอย่างนึง คนนั้นดีอย่างนึง”
“โทนี่ตัวจริงไม่เหมือนกับ ‘หมาก’ เลย แต่เมื่อเรา Audition และ Workshop กัน เราเห็นเลยว่า คนคนนี้มันมีเสน่ห์ มีของซ่อนอยู่เยอะมาก ผมถกกับทางผู้กำกับ ครูเงาะ (รสสุคนธ์ กองเกตุ) และตัดสินใจว่า ถ้าจะแทงหวย เราขอเลือกแทงหวยไปที่โทนี่ครับ แล้วพอเริ่มถ่ายไปจริงๆ โทนี่เป็นอีกคนที่เซอร์ไพรส์ผม เขามีซีนที่ Magic มาก ทำให้เราเชื่อเลยว่าโทนี่คือหมากที่อยู่นครพนม เป็นคนที่เล่นพิณได้อย่างเก่งกาจ และยังมีเสน่ห์ในแบบเด็กต่างจังหวัด ส่วนความเป็นลูกครึ่งไม่ได้อยู่ในบทตั้งแต่แรก แต่เราปรับเพื่อโทนี่เลย”
หวนคิดถึงรักแรก นครพนม และยุค Y2K ผ่านฉาก Cinematic
“หนังเรื่องนี้มีอารมณ์ถวิลหา อย่างที่เขาเรียกว่า ‘Nostalgia’ โดยพูดเรื่องการเติบโต การก้าวผ่านของตัวละคร ที่ย้อนกลับไปถึงวัยรุ่นในยุค Y2K ซึ่งเราหากันนานมาก ว่าเรื่องควรเกิดปีไหนดี คุยกับทางผู้กำกับว่า อะไรเป็นตัวแทนเล่าความสับสนของฝาแฝดกับการเกิดความรักครั้งแรกที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป เราจึงนึกถึงปี ค.ศ. 1999 ปีที่กำลังจะขึ้นสหัสวรรษใหม่ ตอนนั้น คอมพิวเตอร์ทำให้ทุกอย่างรวน บางคนกังวลว่าโลกจะแตกไหม ซึ่งผมเองก็อยู่ในยุคนั้น เรารู้สึกว่ามัน Fit In กับเรื่องนี้ เป็นบรรยากาศที่ทำให้เข้าใจความสับสนของฝาแฝดคู่นี้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยุคนั้นยังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่มีเสน่ห์มาก ทั้งพร็อพ หรือแม้แต่เพลงตัวแทนแห่งยุค ที่เรานำมาไว้ในหนังด้วย”
“ส่วนโลเคชัน ด้วยในเรื่อง เป็นการกลับไปสู่บ้านต่างจังหวัด เราจึงอยากได้ย่านชุมชนที่มีเอกลักษณ์ ‘นครพนม’ มีส่วนผสมของเวียดนาม จีน มีสีสันสวยแปลกตาสำหรับหนังไทย และน่าจะยังไม่เคยมีใครถ่ายทอด Mood & Tone นี้ออกมาก่อน”
“ในทุกเฟรมเราต้องทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าถูกดึงกลับไปในยุคนั้น ทั้งความถวิลหาบางอย่าง รวมทั้งเสน่ห์ของตัวเมือง จึงต้องถ่ายทอดออกมาในทุกส่วนประกอบ ทีมงานตั้งใจปั้นกันเต็มที่ เขาทำการบ้านกันละเอียดมาก Art Direction ของหนังเรื่องนี้โดดเด่นมาก ต้องมาดูหนังเรื่องนี้ในจอใหญ่เท่านั้น มันถึงจะเต็มอิ่ม”
ครั้งแรกของทีมงานรุ่นใหม่ แต่ฝีมือสุดเก๋า
“จริงๆ เป็นการคุยกันกับวรรณแวว-แวววรรณ เราเฟ้นหาทีมงานกันเยอะมาก จนมาลงตัวว่าอยากรวมทีมเลือดใหม่ไฟแรง เพื่อให้งานออกมาในทางทิศทางเดียวกับตัวผู้กำกับ แทบทุกตำแหน่งเป็นการทำหนังใหญ่ครั้งแรกของเขา แพชชันของทุกคนมีความเข้มข้นมาก อย่างตากล้องคือ ‘เบนซ์’ (กฤษดา นาคะเกตุ) มาจากงานมิวสิกวิดีโอที่โดดเด่นและปังทุกเพลง ‘แป้ง’ (สองศักดิ์ กมุติรา) โปรดักชันดีไซน์ก็ฉายแววตั้งแต่ตอนทำอาร์ตไดเรกเตอร์ให้กับ ‘ร่างทรง’ ส่วน ‘พีท’ (กษิดิ์เดช สุนทรารชุน) ก็ทำเสื้อผ้าให้กับงานโฆษณามาก่อน เห็นเลยว่าเคมีของคนรุ่นใหม่มันเกิดสิ่งใหม่จริงๆ แล้วยังเป็นคำตอบของหนังในยุคนี้ดี”
“ผมเองในฐานะโปรดิวเซอร์ ผมชอบหนังเรื่องนี้มาก เราไม่ได้ดูหนังที่ละเมียดละไมขนาดนี้มานานมาก มันทั้งบันเทิง ทั้งอินไปกับเรื่องราวของฝาแฝด ความรัก ถ้าช่วงวัยรุ่นของใครเคยผ่านยุค Y2K มาแล้ว จะได้ย้อนกลับไประลึกถึงช่วงสมัยนั้นได้อย่างมีความสุขครับ”
