"เมื่อขวากหนามแห่งความไม่เท่าเทียมทิ่มแทงใจ การฟาดฟันเพื่อแย่งชิงความเที่ยงธรรมครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้น"
‘วิมานหนาม’ ภาพยนตร์ที่ได้รับการถ่ายทอดมุมมองจาก 3 คนเขียนบทฝีมือดี ‘บอส นฤเบศ กูโน’ (รับหน้าที่เขียนบท-กำกับ), ‘จูเนียร์ ณรณ เชิดสูงเนิน’, ‘เกด การะเกด นรเศรษฐาภรณ์’ ที่มีจุดตั้งต้นของไอเดียร่วมกัน นั่นคือพวกเขาเลือกที่จะบอกเล่าเรื่องราว และตั้งคำถามกับสังคมของคนชายขอบ ผ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้...ดีเทลแต่ละบรรทัดจะเป็นอย่างไร ไปติดตามอ่านกันได้เลย
'บอส นฤเบศ กูโน'
-ความไม่เข้าใจ คือจุดเริ่มต้นของ ‘วิมานหนาม’ -
“แรงบันดาลใจแรกมาจากตอนกำกับซีรีส์แปลรักฉันด้วยใจเธอ แล้วตอนนั้นมันมีเรื่องสมรสเท่าเทียมที่ผ่านเข้ามาในหัวว่าถ้าสองคนนี้เขารักกัน เขามีสิทธิที่จะแต่งงานกันอย่างถูกต้องไหม? คำตอบมันคือไม่ได้ เลยไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงไม่มีสิทธิ์ พอพี่วัน วรรณฤดี (โปรดิวเซอร์) มาชวนทำหนัง ก็เลยเอาไอเดียตรงนี้ไปคุยแล้วก็ได้คีย์เรื่องการทวงคืนกับแย่งชิงเพิ่มเติมมา แล้วก็หาต่อว่าถ้าไปเล่าเรื่องของคนชายขอบสุดๆ ไปเลย พวกเขาคงโดนกดทับไม่รู้กี่ชั้น มันก็น่าจะสะท้อนอะไรบางอย่างในสังคมได้ชัดมากยิ่งขึ้น”
-แบ่งหน้าที่ เพื่อให้บทออกมาดีที่สุด -
“ เกดและจูเนียร์ คือคนที่เขียนซีรีส์แปลรักฉันด้วยใจเธอมาด้วยกัน ทั้งคู่เป็นคนที่ละเอียดมากๆ แล้วทั้งสองคนก็อินเรื่องของความเท่าเทียมหมือนๆ กัน อย่างเราคิดโครงสร้างของเรื่อง จูเนียร์จะแม่นมากเรื่องของการทำสวน เชื่อว่าจูเนียร์เขาคงมีรายชื่อชาวสวนทุเรียนทั้งประเทศไทยหมดแล้ว ส่วนเกดเองก็จะเป๊ะมากในเรื่องของกฎหมาย พอเรื่องมันไกลตัวเราทั้ง 3 คน เลย ต้องละเอียดมากๆ research ต้องแน่น”
-แม่ฮ่องสอน คือหัวใจ -
“เอาจริงๆ พอเป็นเรื่องความไม่เท่าเทียมมันมีเรื่องของแอตติจูดอยู่ด้วย บางทีเราอาจจะต้องดูเรื่องแอตติจูด ตลอดเวลาเขียนบทเราทุกคนจะคอย recheck ว่ามันเป็นสิ่งที่พวกเราเชื่อและคิดจริงๆ ใช่ไหม แบบแม่ฮ่องสอนมันสวนทุเรียนแค่นิดเดียว แต่พวกเราอยากได้ที่นี่ เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่จนที่สุดแต่ทุเรียนดันเป็นผลไม้ที่แพงที่สุด แล้วถ้าใส่ความเป็นคนชายขอบไปอีก LGBTQ+ ไปอีกมันจะเล่าอย่างไร เสน่ห์ วัฒนธรรม หรือความเป็นคัลเจอร์ของแม่ฮ่องสอน มันดึงดูดมากๆ เลยต้องไปหาว่ามันจะเล่าเรื่องยังไง ให้จริงที่สุด มีช่วงหนึ่งที่จูเนียร์กับเกดขับรถไปแม่ฮ่องสอน ขับไปพันโค้ง แล้วก็ค้นพบว่าคนที่แม่ฮ่องสอนเขาใส่เสื้อผ้าเหมือนหลุดมาจากแฟชั่นวีคเลย มันเลิศ”
-ความท้าทายคือการใส่อินเนอร์ให้ ‘วิมานหนาม’
“ พอมันไกลอินเนอร์ตัวเรา ไม่ใช่สิ่งที่คนเราจะเจอได้ทั่วไปในเหตุการณ์นี้การทำงานกับ มันต้องจินตนาการ และก็สัมภาษณ์คนเยอะมาก แล้วยิ่งสัมภาษณ์คนยิ่งเปิดมุมมอง แบบมีคู่รัก LGBTQ+ คู่หนึ่งที่แฟนเขาเสีย เขารีบหยิบผ้าขนหนูของแฟนเขามา ใครจะเอาอะไรก็เอาไป แต่สิ่งที่เขาอยากเก็บไว้คือผ้าผืนนี้ มันเหมือนมีรายละเอียดแบบเล็กๆน้อยๆ ที่เราค่อยๆ เก็บเพื่อหาอินเนอร์ให้ตัวละคร การสร้าง การเข้าใจ ให้มันจริงที่สุด นั้นแหละคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดของการเขียนบทเรื่องนี้
-‘วิมานหนาม’ กับความในใจคนเขียนบท -
“พออายุ 30 เริ่มเห็นอะไรมากขึ้น เริ่มเห็นช่องโหว่..ทําไมบางสิ่งเราไม่ได้เหมือนคนอื่นนะ ขนาดเรายังขนาดนี้แล้วคนชายขอบจะขนาดไหน รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ชัดที่สุดในความรู้สึกตอนนี้ว่ามันไม่เท่าเทียมรู้สึกว่าทุกคนควรจะได้รับสิทธิ์เท่ากัน อาจจะเป็นสิ่งที่อยากบอกในเรื่องนี้”
'จูเนียร์ ณรณ เชิดสูงเนิน'
- เพราะรู้ว่าบางคนเสียงเบา เราเลยอยากเล่าให้ดัง -
“อยากเล่าประเด็นนี้ครับ เพราะเรารู้ว่าเสียงของเขามันเบา มันไม่มีใครได้ยิน เลยอยากเล่าให้มันดังขึ้น คนบางคนเขาลําบากมาทั้งชีวิต ยังไม่มีคนรู้เลยว่าเขาลําบากแค่ไหน มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องความรักอย่างเดียว มันยังมีความไม่เท่ากันอีกหลายอย่างมากเลยครับที่ได้เล่าผ่านวิมานหนาม”
- ไม่ง่ายเลย กว่าจะมาเป็น ‘วิมานหนาม’ -
“Research หนักมาก เยอะมาก เราก็จะเน้นไปที่คนทำสวนทุเรียน ตอนแรกที่หาข้อมูลก็คิดว่าการทำสวนทุเรียนมันยากมากแล้ว แต่พอได้ไปลงพื้นที่แล้วคุยกับชาวสวนจริงๆ มันก็ได้ค้นพบว่าทุกคนเจอปัญหาไม่เหมือนกัน แล้วมันจะเป็นปัญหาแทบจะทุกวัน ซึ่งมันทําให้เรารู้ว่าทุกคนยากลําบากแล้วก็ต่อสู้กันมาแค่ไหน”
“ข้อมูลในแต่ละส่วนเยอะมาก พอหาข้อมูลมาแล้วจะเล่ายังไงให้คนดูเข้าใจ และไม่มีอะไรผิดพลาด ที่สำคัญคืออินเนอร์ตัวละครก็ยาก มันเป็นอินเนอร์ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยแตะไปถึง เราเลยต้องทำความเข้าใจตัวละคร จนสามารถรู้ได้ว่าตัวละครจะทำอย่างไรต่อไป “
-'วิมานหนาม’ กับความในใจคนเขียนบท -
“ชายจริงหญิงแท้มีสิทธิ์เลือกว่าจะแต่งหรือไม่แต่งงาน เลือกว่าจะมีลูกหรือไม่มีลูก ในเมื่อเราเป็นคนเท่ากัน ทำไมเราถึงไม่มีสิทธิ์เลือกเหมือนพวกเขาล่ะ สำหรับจูเองการเขียนบทเรื่องนี้ ทำให้เข้าใจคนมากขึ้น ได้เข้าใจโลกมากขึ้นด้วย วันที่ได้ไปลอง Research ที่แม่ฮ่องสอน ที่ขับรถไปกับเกด เราก็ไปเจอคุณยายคนหนึ่งนั่งถางหญ้าอยู่ เราเลยเดินเข้าไปถามว่าถ้ายายถูกหวยยายจะเอาเงินไปทําอะไร ยายบอกว่ายายจะเอาไปซื้อหมูปิ้ง เพราะยายไม่ได้กินหมูปิ้งมานานแล้วมันแพง…ยิ่งทําให้เรารู้สึกว่าเราอยากใช้เสียงของเราในการพูดแทนคนอื่นมากขึ้นนี้คือสิ่งที่วิมานหนามกำลังบอก”
'เกด การะเกด นรเศรษฐาภรณ์'
- ความไม่เท่าเทียม -
“คิดว่าเรื่องนี้มันไม่ได้พูดเรื่องไม่เท่าเทียมแค่เรื่องเพศ หรือว่าเรื่องมรดกอย่างเดียว จริงๆแล้วมันมีความไม่เท่าเทียมหลากหลายมุมมากๆ ที่ถูกแทรกอยู่ในเนื้อ ซึ่งเราก็พยายามที่จะเล่าทั้งหมดผ่านหนังให้ได้มากที่สุด”
-ต่างคนต่างมีหน้าที่ และหาวิธีมารวมกัน -
“พี่บอสเป็นคนที่ชอบให้ทีมแสดงความเห็นตลอดเวลา ช่วยกันโยนข้อมูลที่หามาได้ คุยจนหาข้อสรุปร่วมกัน แล้วเขียนเป็นโครงเรื่องขึ้นมา ส่วนตัวคิดว่ามันดีมากๆ เลย เพราะว่ามันจะได้เห็นหลายๆ มุม อย่างน้อยก็จากมุมที่เราไป Research กันมา ได้ถกกันมา ก่อนจะนําไปสู่บทสรุป..สรุปมาจากสิ่งที่เถียงกันจนตกตะกอนได้แล้ว”
- อินเนอร์ความเป็นคน คือสิ่งสำคัญ -
“เพราะไม่มีใครที่เคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตัวละครมาก่อน หรือว่าอยู่ในการเติบโตแบบตัวละคร เพราะฉะนั้นแค่การ Research ข้อมูลอย่างเดียวไม่พอ มันต้อง Research ไปถึงอินเนอร์ด้วย ต้องเข้าใจข้างในของตัวละคร เติบโตมายังไง ชอบอะไรไม่ชอบอะไร เคยผ่านอะไรมา ฯลฯ มันต้องไปทําความเข้าใจก่อนจะประกอบร่างเป็นคนหนึ่งคน ”
- แม่ฮ่องสอน เมืองรวมคนชายขอบ -
“แม่ฮ่องสอน เมืองเล็กนิดเดียว แล้วก็อยู่ในพื้นที่ที่เป็นแอ่งกระทะ มีภูเขากั้นล้อมรอบ ด้วยภูมิศาสตร์แบบนี้ เมืองเลยจะเหมือนถูกตัดขาดจากที่อื่นๆ แล้วพอ Research ไปเรื่อยๆ ก็พบอีกว่า แม่ฮ่องสอน คือพื้นที่แห่งความหลากหลาย ทั้งเพศ เศรษฐกิจ และชาติพันธุ์ มันเลยมีความต่างระหว่างชนชั้นทางสังคมอยู่หลายส่วน พอมันผสมผสานกันเลยทำให้การเล่าเรื่องความไม่เท่าเทียมมันมีมิติ เหมาะกับหนังที่กำลังจะเล่าประเด็นนี้ เราก็เลยดึงสิ่งเหล่านี้มาเป็นหนึ่งในโครงสร้างในการเล่าเรื่อง”
-‘วิมานหนาม’ กับความในใจคนเขียนบท -
“คนเราจะเลือกแต่งงานหรือไม่แต่งงาน สุดท้ายก็เป็นทางเลือกของเขา แต่เรากำลังอยากบอกว่า ไม่ว่าจะอยากหรือไม่อยาก ทุกคนควรจะได้เลือกด้วยปัจจัยและสิทธิของเขาเองที่ถูกต้องตามกฎหมาย