หนึ่งสิ่งที่ ‘เจฟ ซาเตอร์’ และ ‘ทองคำ’ แห่ง ‘วิมานหนาม’ มีไม่ต่างกันคือ ‘ความเป็นนักสู้’ จากการสู้สุดใจเพื่อสร้างผลงานในฐานะ ‘ศิลปิน’ สู่การฟาดฟันสุดแรงในสังเวียนทุเรียนผ่านบทบาท ‘ทองคำ’
รวมทุกความรู้สึกของ เจฟ ซาเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นความทุ่มเทในผลงานการแสดงครั้งแรก, การทำงานร่วมกับ ‘บอส กูโน’ ผู้กำกับ วิมานหนาม และความในใจที่ได้ร่วมงานกับ ‘อิงฟ้า’ จนได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เตรียมเปิดศึกชิงวิมานไปพร้อมกับการฟาดฟันคมหนามบนความไม่เท่าเทียม
“วิมานหนาม เป็นเรื่องที่ถ่ายทำนานที่สุดในอาชีพการแสดงของผม เเละมีครบทุกรสเลย โดยเฉพาะรสทุเรียน ผมมีความสุขที่ได้เข้ากอง ได้ไปเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครทองคำ ถึงตัวละครนี้จะไกลกับผมประมาณนึง เเต่ก็มีความคล้ายกันตรงความเป็นนักสู้”
“การร่วมงานกับพี่บอส ผู้กำกับ ช่วยผลักดันผมให้เข้าถึงตัวละครทองคำมากๆ ตอนเเรกผมเคยปฏิเสธบทนี้ไปเเล้ว เพราะบทนี้มันไกลตัวผมมาก และยังมีความซับซ้อนทางอารมณ์สูง ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีมั้ย เเต่เมื่อได้คุยกับพี่บอส ก็รู้สึกว่า น่าจะเป็นอะไรที่ชาเลนจ์เรามากๆ ผมเลยพยายามหา Session กับพี่บอส ให้พี่บอสเรียกผมว่าทองคำ เเล้วบรีฟตามที่ทองคำรู้สึก พอเป็นทองคำปุ๊บ มันเชื่อเลย แล้วพี่เขาก็คอยบรีฟ คอยกระตุ้น จนผมสามารถเล่นซีนที่แรงที่สุดได้”
“วิมานหนาม ถือเป็นหนึ่งในงาน Masterpiece ของผมที่มองย้อนไปทีไรก็ภูมิใจที่ได้เล่นเรื่องนี้ ได้เล่นเป็นทองคำ ได้ทำงานกับทีมนี้เเละนักเเสดงชุดนี้”
“ด้วยความที่ตัวละครมันไกลตัวมากๆ ผมจึงต้องใช้วิธีการเขียนบันทึกประจำวันของทองคำ ว่าเขาเติบโตมายังไง ใช้ชีวิตเเบบไหน เจอพี่เสกได้ยังไง ให้เชื่อว่าเขามีตัวตนจริง ผมอ่านบทหลายรอบ ให้มันซ้ำวนๆจนเข้าใจตัวเขา เเล้วเมื่อต้องเข้าเป็นคาแรกเตอร์ทองคำ ผมจะบอกกับทองคำว่า ได้เวลาที่ต้องพูดในสิ่งที่อยากพูดเเล้วนะ เเล้วผมจะนั่งดูอยู่ข้างหลังเอง เหมือนสลับตัวกันเเล้วก็ให้ทองคำทำหน้าที่ของเขา”
บอส ผู้กำกับ เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาค้นพบเสน่ห์เฉพาะตัวของเจฟและได้ใส่เอาไว้ในหนังอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสายตาที่สามารถเป็นได้ทั้งความเซ็กซี่และความสนุกของตัวหนัง ที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่า ภายใต้หมวกชาวสวน ทองคำกำลังคิดอะไรอยู่
“อีกพาร์ทที่ยาก คือต้องไปฝึกการทำสวนทุเรียน เราต้องศึกษาเรียนรู้ทุกอย่าง โดยจะมีเวิร์คชอปวิธีทำสวนทุเรียน มีพี่หัวหน้าคนสวนมาช่วยดู สิ่งไหนที่ชาวสวนทำกัน ทั้งขั้นตอนการดูแลต่างๆ เราต้องทำให้คล่องแคล่ว เพื่อให้อินกับบทมากที่สุด เพราะเราต้องเชื่อว่า เราอยู่ที่สวนนี้และทำสิ่งนี้อย่างมีความสุขมากว่า 5 ปี เราจึงต้องฝึกจนชิน เพื่อให้ในหนังออกมาเป็นธรรมชาติ”
“พี่เต้ยเป็นหนึ่งในนักเเสดงที่ผมยอมรับฝีมือมาก มีหลายซีนที่เขาไม่ต้องส่งอารมณ์ เเต่เขาก็มาอยู่ตรงนั้น เพื่อคอยช่วยส่ง จับมือ บางทีถึงขั้นน้ำตาไหลเพื่อซัพพอร์ตเรา ส่วนน้องเก่งเป็นคนที่ผมรู้สึกปลอดภัยเเละเชื่อใจเวลาทำงานด้วย พอมีเก่งเป็นพาร์ทเนอร์เราจึงสามารถพาซีนไปสู่ เลเวลสูงขึ้นได้ และมีไม่กี่ครั้งที่ผมได้ทำงานกับนักเเสดงรุ่นใหญ่มากๆอย่างแม่สีดา เป็นเกียรติมากครับ แม่สีดาเล่นจนผมเชื่อมาก ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง เเละได้เติบโตในฐานะนักเเสดงคนหนึ่งเลย”
“อีกคนที่ผมทึ่งเเละภูมิใจมากที่ได้ทำงานด้วย คืออิงฟ้าครับ เพราะการเเสดงของเขาไม่มีแพทเทิร์น ไม่ติดกับสิ่งเดิมๆ ซีนไคลแมกซ์จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีอิงฟ้าที่เล่นเเละส่งอารมณ์ได้ดีขนาดนี้ ขอบคุณที่เป็นอิงฟ้ามาเล่นกับผม เเละขอบคุณที่เชื่อใจกันครับ”
“ในวิมานหนาม ทุกตัวละครมีการต่อสู้ในเเบบของตัวเอง มีหนามทุเรียนเป็นเหมือนสังเวียน เช่นกันกับการต่อสู้ในชีวิตคนเรา ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้เป็นพื้นนิ่มๆ ให้เราเดินไปได้ ขอฝากวิมานหนาม หนังของทีมงานทุกคนด้วยนะครับ”