หากจะไล่เรียงผลงานการเขียนบทและกำกับของ ‘บอส นฤเบศ กูโน’หรือ ‘บอส กูโน’ ไม่ว่าจะเป็น HORMONES 3 THE FINAL SEASON, PROJECT S THE SERIES ตอน SIDE BY SIDE พี่น้องลูกขนไก่, แปลรักฉันด้วยใจเธอ หนึ่งในจุดร่วมที่มีเหมือนกัน คือเรื่องของการ ‘ยอมรับตัวตน’ ไม่ว่าจะยอมรับตัวเอง หรือ ยอมรับความต่างของคนอื่น
จนมาถึง ‘วิมานหนาม’ ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต ที่บอสควบตำแหน่งเขียนบทร่วมกับ ‘เกด การะเกด นรเศรษฐาภรณ์’ และ ‘จูเนียร์ ณรณ เชิดสูงเนิน’ ดรีมทีมที่ร่วมกันสร้างความตราตรึงจาก ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ มาแล้ว โปรดิวซ์โดย ‘วัน วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์’ ประเด็นที่มากกว่าความเป็นตัวตน ขยายขอบเขตไปสู่เรื่องราวการต่อสู้เพื่อทวงสิทธิ์บนความไม่เท่าเทียม
“บอสมองว่าคนเราเกิดมาเท่ากัน แต่สำหรับใน ‘วิมานหนาม’ มันจะมีช่องว่างบางอย่าง ที่เกิดการตั้งคำถามว่า เมื่อ เสก (เต้ย พงศกร) ผู้เป็นเจ้าของ ‘ที่ดิน’ เสียชีวิตไป ใครในบ้านควรมีสิทธิ์เป็นเจ้าของที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ (เจฟ ซาเตอร์) คู่ชีวิตของเสก หรือ แม่แสง (สีดา พัวพิมล) ที่เลี้ยงดูเสกมาตั้งแต่เล็กจนโต หรือ โหม๋ (อิงฟ้า) น้องสาวบุญธรรมที่ดูแลแม่แสงเหมือนแม่แท้ๆ ซึ่งสถานะของแต่ละคนที่มันไม่เหมือนกันนี่แหละ นำมาซึ่งเรื่องราวไม่เท่าเทียมที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้” บอส กล่าว
เตรียมตัวเข้าสู่ ‘วิมานหนาม’ ที่ที่จะทำให้คุณขุดหนามในตัวออกมาฟาดฟัน ไปกับเบื้องหลังเรื่องราวเข้มข้นสุดมัน จากผู้กำกับ ‘บอส กูโน’ กันได้เลย!
“ตอนทำซีรีส์ ‘เเปลรักฉันด้วยใจเธอ’ กับความรักของเด็กผู้ชาย 2 คน ในวัยๆ นึง ที่ว่าด้วยเรื่องการ Come Out หรือ Coming of Age เมื่อเวลาผ่านไป บอสรู้สึกว่ายังอยากเล่าเกี่ยวกับประเด็นประมาณนี้อยู่ จึงร่วมกับเกดและจูเนียร์ ทีมเขียนบทจากแปลรักฉันฯ ที่จะเข้าใจตัวบทด้วยกันมากที่สุด”
“เหล่านี้เป็นจุดเริ่มของ ‘วิมานหนาม’ ที่ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายสองคนทำสวนผลไม้ด้วยกัน รักกัน อดทนมาด้วยกัน จนมีคนนึงเสียชีวิต แล้วมันเกิดขึ้นในช่วงที่ไม่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียมรองรับ จึงทำให้ฝั่งครอบครัวของผู้ตายเข้ามายึดสวนไป แล้วเรื่องราวหลังจากนี้ จะเป็นยังไง ตัวละครจะแก้ปัญหา และมีท่าทีต่อกันยังไง”
“ทั้งหมดทั้งมวล เราอยากเห็นตัวละคร LGBTQ+ คนนึงที่ต่อสู้และทวงอะไรบางอย่างที่เป็นของเขากลับคืนมา เหมือนกับคนทั่วๆ ไป ที่ต่างรู้สึกอยากมีอะไรสักอย่างเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคนรัก บ้าน หรือพื้นที่ของเราเอง แต่แล้ววันนึง เรากลับต้องสูญเสียมันไป เราจะเอากลับคืนมายังไงจะมีใครเชื่อ หรือรับฟังเรามั้ย”
“ในเรื่องราวของความเข้มข้น ดราม่า บอสพยายามแทรกความสวยงามทางภาพ เสื้อผ้า วัฒนธรรม สีสัน ต่างๆ เข้าไปด้วย ทั้งหมดเหล่านี้คือสิ่งที่บอส ชอบและรู้สึกว่าเป็นตัวเรามากที่สุด แล้วพี่วัน (วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์) กับพี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) ก็เห็นด้วย เขารู้สึกว่าเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ แล้วบอสก็เอาไปพัฒนาต่อหลังจากนั้น” ผู้กำกับ บอกเล่า
“เมื่อเราตั้งโจทย์ว่า หนังเรื่องนี้ จะพูดถึงการทวงคืนบางอย่างบนพื้นที่ที่มันเป็นของเรา นอกจากตัวละครแล้ว พื้นที่สวนก็นับเป็นพระเอกของหนังเหมือนกัน แล้วสิ่งที่ควรเป็นตัวแทนของหนังได้ดีที่สุด ต้องเป็นผลไม้อะไร เราก็รีเสิร์ชไปเรื่อยๆจนพบว่า ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ราคาแพงที่สุดในประเทศไทย เจ้าของฉายา King of Fruits ถ้าใครอดทนปลูกได้สำเร็จ ก็มีโอกาสรวย เพราะกว่าทุเรียนจะออกผลได้ ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี ทุเรียนจึงเป็นตัวแทนของความอดทนของคนทำสวน ทั้งแรงกาย แรงใจ และความรัก ที่ต้องทุ่มเทใส่เข้าไป ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งพิเศษมากๆ เมื่ออยู่ในหนัง”
“เมื่อเล่าเรื่องการทวงสิทธิ์ มันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องแย่งทรัพย์สินเงินทองกันด้วย จึงเป็นคำถามว่า ‘จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราปลูกผลไม้ที่แพงที่สุดในที่ที่ยากจนที่สุด’ นั่นคือจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ที่เรารีเสิร์ชพบว่า นอกจากจะมีบางพื้นที่ปลูกทุเรียนอยู่แล้ว ยังเป็นจังหวัดที่มีคนยากจนมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งถ้าเกิดการแย่งชิง และการทวงคืนขึ้นที่นี่ มันจะท้าทายตัวละครขนาดไหน”
เบื้องหลังการทำงานใน ‘วิมานหนาม’ จึงชาเลนจ์ในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเบื้องหน้า หรือเบื้องหลัง ทั้งการถ่ายทอดภาพบ้านบนเนินสวนทุเรียน ซึ่งทีมงานลงทุนปลูกบ้านขึ้นมาใหม่ รวมทั้งการจัดหาเสื้อผ้า ซื้อพร็อพต่อจากชาวบ้านที่แม่ฮ่องสอน เพื่อความสมจริง และที่ขาดไม่ได้คือ การเวิร์กชอปให้นักแสดงอย่างเจฟ ซาเตอร์, เต้ย พงศกร, เก่ง หฤษฎ์ ได้เรียนรู้วิธีทำสวนจากชาวสวนตัวจริง!
“เจฟ ในบททองคำ เขามีเสน่ห์ที่ทำให้เราอาจจะเดาออก หรือเดาไม่ออกว่า เขากำลังคิดอะไร บวกกับเจฟเคยมีประสบการณ์ เป็นนักแสดงละครเวทีมาก่อน ทำให้เขามีพื้นฐานที่เข้าใจการแสดง และอิมโพไวส์เก่งมาก ส่วนอิงฟ้า เรารู้ว่าเขาเป็นคนสู้ชีวิต คิดว่าน่าจะถ่ายทอดบทโหม๋ที่สู้ชีวิตเช่นกันได้อย่างลึกซึ้ง เมื่อเขาได้สวมบทแสดง ก็เซอร์ไพรส์ในความ สามารถของเขามากๆ พูดได้เลยว่าอิงฟ้าเป็นนักแสดงคนนึงที่เล่นดีมากๆ ในชีวิตการกำกับเลย ซึ่งพอทั้งคู่มาเจอกัน มันเหมือนทุเรียนเลยครับ ที่ดูมีหนามแต่ข้างในนุ่ม ดูลึกลับ และเป็นเคมีที่เยี่ยมมาก”
“บอสพยายามบาลานซ์ให้ตัวละครมีความหลากหลายระดับ เพื่อให้เกิดความเข้มข้น ทองคำจะเป็นคนชนชั้นกลางที่พอมีตังค์ แต่โหม๋ก็คือเป็นคนชายขอบที่ไม่มีอะไรเลย ซึ่งตัวเมืองแม่ฮ่องสอนมีคนหลากหลายแบบอย่างนี้่จริงๆ เราแค่ไปดึงจากชีวิตจริงของพวกเขามา”
“ทุกตัวละครมีความน่าสนใจหมด เสก ที่รับบทโดยพี่เต้ย ก็ต้องทำหน้าที่ทั้งแบกรับครอบครัว ขณะเดียวกันก็อยากหลุดพ้นตรงนั้นไปด้วย ส่วน จิ่งนะ ที่รับบทโดยเก่ง ก็เป็นตัวแทนของความใสซื่อ บริสุทธิ์ ขณะที่ แม่แสง รับบทโดยแม่สีดา แววตาของแม่ก็ดูเรียล และสมจริงมาก ซึ่งเรื่องราวชีวิตจริงของแม่สีดาที่มีลูกชาย คือพี่อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล ที่จากไปแล้ว ทำให้แม่สีดายิ่งอินกับบทมาก เขาทำให้ตัวละครมีมิติ ที่ทำให้ตัวแม่แสงมีชีวิตขึ้นมา”
“วิมานหนาม เป็นหนังรสชาติเข้มข้น ดราม่า เชือดเฉือน เป็นสิ่งที่ตัวบอสไม่เคยทำ และคิดว่ายังไม่เคยเห็นหนังแนวนี้มาก่อน รสชาติของหนัง เปรียบได้กับทุเรียน ผลไม้เอ็กซ์โซติก ที่มีหนามแหลมคม แต่ข้างในมีความหอมหวาน และยังเป็นผลไม้ราคาแพงด้วย”