ใครอินใครฟินกับฉากในหนังระหว่างความสัมพันธ์ของ ‘ปาล์ม’ และ ‘กิ๊ง’ จะใกล้ไกลแค่ไหน วันนี้เราก็จะพาเพื่อนๆ ข้ามเส้นแดนไป เริ่มที่พม่า มาเล ฮ่องกง แล้วบินวนกลับมาไทยไปต่อกันที่กระบี่ บินขึ้นเหนือไปต่อกันที่เชียงใหม่ ทริปนี้รับรองว่าไม่มีสิ้นสุดทางแน่นอนเพื่อน
จัดกระเป๋าให้พร้อม! แล้วเจอกันที่สนามบิน ส่วนใครที่ขี้ลืมแบบกิ๊ง ไม่ต้องกังวล แวะซื้อของใช้ขาดเหลือก่อนขึ้นเครื่องได้ที่ KING POWER หรือจะแวะซื้อของฝากเพื่อนฝากแฟนก่อนกลับก็ได้ :)
วัดงาทัตจี Nga Htat Gyi Pagoda
ขณะนี้เครื่องกำลังแลนดิ้งสู่ประเทศพม่า...
ผู้โดยสารท่านใดอยากสงบจิตสงบใจ เริ่มต้นใหม่ กับคนใหม่ๆ แบบปาล์ม ก็มาขอพรได้ที่วัดงาทัตจี
ที่ “วัดงาทัตจี” มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์สูงใหญ่เท่าตึก 5 ชั้น!! งดงาม อลังการด้วยหินอ่อน ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ที่ทำจากโลหะ ส่วนด้านหลังเป็นไม้สักแกะสลักลวดลายต่างๆ จำลองแบบมาจากพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยยะตะนะโบง (สมัยมัณฑเลย์) ส่วนประตูทางเข้าวัดงาทัตจีก็ประดับตกแต่งอย่างหรูหราด้วยหลังคาสีทองทรงปราสาทแบบพม่า 5 ชั้น และมีรูปปั้นสองสิงห์แบบศิลปะพม่าหรือชินเต (Chinthe) เป็นทวารบาลอยู่ด้านหน้า
วัดงาทัตจี ตั้งอยู่ที่ Ashay Tawya Monastery เมืองย่างกุ้ง ตรงข้ามวัดเจ๊าทัตจี (Chauk Htat Gyi pagoda) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดพระตาหวาน” นั่นเอง ใครไหว้พระขอพรที่วัดเจ๊าทัตจีแล้วก็เดินเปิดแมพมามาขอพรต่อที่วัดงาทัตจีได้เลย
เอ... ปาล์มขอพรที่วัดงาทัตจีว่าอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ทางเราขอกลับก่อนนะ เอ๊ย! ขอไปต่อพร้อมกันเลยน้าาา
เจดีย์ชเวดากอง
เชื่อว่าหลายๆ คนที่ได้ดู “FRIEND ZONE ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน”ต้องมีปาดน้ำตาให้กับฉากที่เจดีย์ชเวดากองของปาล์มกับกิ๊ง ฮืออออ
แต่ก่อนจะซับน้ำตา อย่าลืมถอดรองเท้า, ถุงเท้า หรือ ถุงน่อง ก่อนเข้าเจดีย์ชเวดากอง เพราะที่นี่จะต้องเดินเท้าเปล่าเท่านั้น และเมื่อเข้ามาภายในบริเวณเจดีย์ชเวดากองแล้วจะพบกับความงดงามของเจดีย์สีทองที่กระทบกับแสงอาทิตย์สะท้อนระยิบระยับชวนประทับใจ และสีทองของเจดีย์นั้นเป็นที่มาของชื่อ ‘ชเวดากอง’ นั่นเอง เพราะในภาษาพม่า ชเว แปลว่า ทอง ส่วนดากอง คือชื่อเดิมของย่างกุ้งเมืองหลวงของพม่า สถานที่กราบไหว้บูชาแห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คของประเทศพม่า และเป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของพม่าอีกด้วย
กลางวันงดงามแล้ว กลางคืนก็สวยไม่แพ้กัน... เจดีย์ใหญ่สีทองโดดเด่นท่ามกลางความมืด ถ้าหากใครได้มา ขอแนะนำว่าให้ลองสัมผัสบรรยากาศ ณ ที่แห่งนี้ทั้งสองช่วงเวลาเลย รับรองว่าประทับใจไม่มีวันลืม
สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมไปนั่งสวดมนต์ตั้งจิตอธิษฐาน นำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบขอพรที่ลานอธิษฐาน แต่วิธีไหว้แบบฉบับคนพม่าจะต้องไหว้และรดน้ำพระกับสัตว์สัญลักษณ์ประจำวันเกิดของตัวเอง
InterContinental Hong Kong
ก๊อกๆ เปิดประตู Welcome to InterContinental Hong Kong โรงแรมสุดหรูที่ปาล์มกิ๊งใช้ล็อบบี้โรงแรมเป็นฐานทัพแอบส่องพี่เท็ด !
InterContinental โรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาวของฮ่องกง บรรยากาศ 10-10-10 กับวิวอ่าววิกตอเรีย ครบครันทั้งทำเลที่อยู่ในย่านช้อปปิ้งจิมซาจุ่ย และเซอร์วิสดีๆ จากโรงแรม ทั้งสปา ซาวน่า ฟิตเนส โยคะ ไทเก็ก สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ห้องอาหารชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง อย่าง ห้องอาหาร Yan Toh Heen ที่พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารจีนกวางตุ้ง และยังมีห้องอาหารฝรั่งเศส/ ญี่ปุ่น/ เอเชีย ให้ได้เลือกกินอย่างอิ่มหนำสำราญกัน ถึงแม้หนังจะไปถ่ายทำที่ล็อบบี้ แต่บอกเลยว่า ภายในห้องพักตกแต่งอย่างหรูหรา มีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานดื่มด่ำกับวิวอ่าววิกตอเรียทั้งวันทั้งคืน
ถ้าไปถึงแล้วอย่าลืมสั่งน้ำส้มซัก 4-5 แก้ว น่าจะได้ฟีลนักสืบกิ๊งและปาล์มได้ดีทีเดียว
Shek Kip Mei Reporting Centre and Police Tactical Unit
ไปฮ่องกงทั้งที แวะไปห้องกรงซะหน่อย แฮ่!
Shek Kip Mei Reporting Centre and Police Tactical Unit Kowloon สถานีตำรวจที่เกาะเกาลูน ที่นี่มีคุณตำรวจ มีนางเอกที่คิดว่าตัวเองเป็นเฉินหลง กับพระเอกที่ติดอยู่ในเฟรนซง และที่นี่รับแจ้งความตลอด 24 ชั่วโมง แต่ไม่รับแจ้งข้อหา Friend Zone ที่โดนกักขังในความสัมพันธ์
ป้าย satay king ถนน shantung
แสงไฟนีออนในถนน shan tung ย่านมงก๊ก เป็นป้ายร้านอาหาร Satay King ที่นางเอกของเราไม่ได้แวะไปกิน แต่! แวะไปกระโดดเกาะป้ายไฟ จนคุณตำรวจคิดว่าเธอมีไอดอลเป็นเฉินหลง
คำเตือน! Friend Zone อาจจะเป็นคุกดีๆ แต่ถ้ากระโดดเกาะป้ายไฟอาจมีติดคุกนานๆ T_T
Nam Loong Cafe
Nam Loong Cafe คาเฟ่สุดชิคบน Keswick Street ที่คู่เพื่อนซี้ปาล์ม-กิ๊งแอบตามติดพี่เท็ดไปนั่งกินติ่มซำ
คาเฟ่นี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1960s แรกเริ่มเดิมทีเป็นสตรีทฟู๊ดขายขนมปังปิ้งกับชานม แต่ปัจจุบันได้ผันตัวเป็นร้านฮิปๆ ตกแต่งด้วยโทนสีเขียวสบายตาตัดกับสีน้ำตาล มีโคมไฟกรงนกขนาดใหญ่ และกระเบื้องโมเสค ผสมผสานบรรยากาศวินเทจยุค 1960s และสไตล์โมเดิร์นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
เมนูของร้าน Nam Loong Cafe เองก็ชิคไม่แพ้การตกแต่งภายในร้าน เล่มเมนูเป็นหน้าปกการ์ตูนสีสันสดใส และมีทั้งเซ็ตอาหารเช้า (อเมริกันฮอตด็อก, ออมเล็ตแฮม, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับหมูสไปซี่ และหอยเป๋าฮื้อ) ออมเลตกับขนมปังและแฮม หรือถ้าแวะมาบ่ายๆ อยากนั่งชิลๆ จิบชา ที่นี่ก็มีเซ็ต Afternoon Tea เช่นกัน และที่พลาดไม่ได้คือเมนูออริจินอลดั้งเดิมของที่นี่ก็ต้องเป็นขนมปังปิ้งกับชานม อย่าเผลอไปสั่งติ่มซำตามปาล์มกิ๊งเชียวนะ เดี๋ยวเจ้าของร้านจะงงเอา
ตึกปิโตรนาส
“กูอยู่มาเล มาหาหน่อยดิ”
บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหา ‘เพื่อน’ ที่มาเลทั้งทีจะพลาดแลนด์มาร์คสุดฮิตของที่นี่ได้ยังไง!
ตึกแฝดปิโตรนาส 88 ชั้น หรือ Kuala Lumpur Convention Center – KLCC เป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก! สถาปัตยกรรมสูงโดดเด่นนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงเรขาคณิตของสถาปัตยกรรมอิสลาม ซึ่งออกแบบโดย ซีซาร์ เปลลิ (César Pelli) สถาปนิกเชื้อสายอาร์เจนตินา-อเมริกัน
แลนด์มาร์คทางสถาปัตยกรรมของมาเลเซียถูกล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะ ภายในอาคารเปโตรนาสทาวเวอร์มีสำนักงานของบริษัทพลังงานและน้ำมัน โดยมีรัฐบาลมาเลเซียเป็นผู้ถือหุ้นหลัก และมีซูเรีย ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์, ปิโตรนาส ฟิลฮาร์โมนิก ฮอลล์, ศูนย์วิทยาศาสตร์ เปโตรซิน และศูนย์ประชุมกัวลาลัมเปอร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอีกด้วย ส่วนโถงล็อบบี้ของอาคารปิโตรนาสก็ไม่ธรรมดา เพราะเป็นจุดที่สามารถรับพลังแม่เหล็กจากโคมด้านบนได้ดีที่สุด ซึ่งมีพลังแม่เหล็กจะถ่ายทอดมาสู่ตัวเรา ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ใครบินมาถึงมาเลเซียเหนื่อยๆ ลองแวะมารับพลังงานที่นี่กันดู
วัดถ้ำเสือ กระบี่
รู้หมือไร่! วัดถ้ำเสือไม่มีเสือ มีแต่ลิงจั๊กๆ รักจริงๆ เอ้ย! ลิงจริงๆ และที่นี่คือฉากที่ปาล์มกับกิ๊งมาสักการะขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมนั่นเอง
ที่วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ ไม่มีเสือ แต่ที่ชื่อถ้ำเสือเพราะแต่ก่อนก็เคยมีเสืออาศัยอยู่จริงๆ และในถ้ำก็มีหินที่คล้ายอุ้งเท้าเสือ ส่วนที่มาของวัดนี้น่าจะมาจากพระธุดงค์ที่มาอาศัยในถ้ำ บรรยากาศภายในวัดสงบ ร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่อายุนับร้อยปีกลางหุบเขาคีรีวงศ์ เมื่อขึ้นบันได 1,237 ขั้นไปจนถึงยอดเขาจะเห็นวิวจังหวัดกระบี่ได้ 360 องศา
ถ้าอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ... ถ้าอยากเข้าวัดถ้ำเสือก็ต้องขึ้นบันได 1,237ขั้น… แต่ถ้าอยากเลื่อนขั้นจากเฟรนด์ไปเป็นแฟนแล้วล่ะก็ ลองชวนเพื่อนไปขอพรดูที่วัดถ้ำเสือสิ ;)
Railay Viewpoint - จุดชมวิวหาดไร่เลย์
สายแอดเวนเจอร์เชิญทางนี้! เราขอชวนคุณมาท้าความสูง ด้วยการตามรอยปาล์มกิ๊งปีนผาไปจุดชมวิวหาดไร่เลย์ !
ขอบอกเลยว่าทางขึ้นจุดชมวิวหาดไร่เลย์ผจญภัยระด้บเฉินหลงมากๆ เพราะต้องปีนเขาที่สูงชันเกือบ 90 องศาขึ้นไป! ทางขึ้นต้องสังเกตดีๆ จะเห็นป้ายคำเตือนปีนผาด้วยความระมัดระวังอยู่ นั่นแหละทางขึ้นจุดชมวิว แต่พอขึ้นไปถึงแล้วล่ะก็ใจที่เต้นแรงเพราะความตื่นเต้น จะเต้นแรงขึ้นเพราะวิวตรงหน้าแทน เพราะที่จุดชมวิวจะมองเห็นทั้งหาดไร่เลย์ตะวันออก และตะวันตก ต้นไม้เขียวขจีบนเกาะตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเล และมองเห็นเรือแล่นผ่านไปมา บรรยากาศพาชิลสโลว์ไลฟ์จนลืมความแอดเวนเจอร์ก่อนหน้านี้ไปซะสนิทเลย
พักหายใจให้หายเหนื่อย หยิบมือถือขึ้นมาเซลฟี่คู่กับเพื่อนแล้ว ส่วนใครอยากลุยต่อก็จะมีทะเลสาบซ่อนอยู่! แต่ถ้าใครไม่ไหวอย่าฝืนเราไปนั่งนอนชิลๆ กันบนหาดถ้ำพระนางกันต่อน่าจะเป็นการจบวันที่ดีทีเดียว
หาดพระนาง
เดินต่อจากหาดไร่เลย์มาถึง “หาดพระนาง” ที่คู่พระนางอย่างปาล์มกิ๊งมานั่งชิลริมหาด ฟังเพลง ดื่มน้ำส้มเย็นๆ มองวิวพระอาทิตย์ตกด้วยกัน บรรยากาศเป็นใจซะขนาดนี้ยังจะคิดกับเราแค่เพื่อนได้อยู่อีก !
หาดพระนาง กับหาดทรายสีขาว น้ำทะเลใส มีภูเขาและหน้าผา หากเดินไปเรื่อยๆ จนสุดหาดจะเจอถ้ำพระนางที่มีตำนานเกี่ยวกับเทพธิดาที่อยู่ในถ้ำแห่งนี้ ชาวประมงมักจะมาขอพรจากพระนางก่อนออกทะเล หากกลับมาอย่างปลอดภัยและสมปราถนามักจะแก้บนด้วยปลัดขิก ถ้ำพระนางถือว่าเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจสำหรับพวกเขา
นอกจากถ้ำพระนางแล้ว ที่หาดพระนางยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกันอีกด้วย ทั้ง เล่นวอลเลย์บอล นอนอาบแดด พายเรือคายัค ปืนหน้าผา ดูพระอาทิตย์ตก หลังจากนั้นจะแวะไปกินเบียร์ที่ห้องกับ ‘เพื่อน’ ก็ได้นะ :)
Kaomai Lanna Resort / Kaomai Estate 1955
‘เก๊าไม้ ล้านนา รีสอร์ท’ (Kaomai Lanna Resort) หรือ Kaomai Estate 1955 สถานที่จัดงานสังสรรค์ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นแมกไม้เขียวขจี ในจังหวัดเชียงใหม่ที่เหล่าแก๊งเฟรนด์โซนได้มาพบปะปรับทุกข์กัน!
‘เก๊าไม้ ล้านนา รีสอร์ท’ เป็นบูติคโฮเทลอีโค่ลอดจ์ที่มีไม้เลื้อยสีเขียวปกคลุมทั่วทั้งหลังตัดกับหน้าต่างสีขาว ซึ่งรีโนเวทจากโรงนายาสูบเก่า ภายในห้องพักตกแต่งอย่างมีสไตล์ดัดแปลงจากศิลปะล้านนา กับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชน เฟอร์นิเจอร์โบราณแบบโคโลเนียล
นอกจากที่พักจะสวยเก๋แล้ว ที่นี่ยังมีคาเฟ่สำหรับสายชิลอีกด้วย! ชื่อว่า ‘คาเฟ่โรงบ่ม’ คาเฟ่เรือนกระจกสองชั้นโทนสีดำทันสมัยแต่ยังคงโครงเดิมของโรงบ่มไว้ ภายในร้านเป็นโอเพ่นแอร์สามารถนั่งรับลมชมวิวต้นไม้น้อยใหญ่ได้ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าแบบคลาสสิค เมนูแนะนำสำหรับที่นี่คือน้ำมะเกี๊ยงปั่น กับชีสเค้กซอสมะเกี๊ยง ซึ่งเป็นผลไม้ท้องถิ่นนั่นเอง
และล่าสุด Kaomai Estate 1955 เพิ่งได้รับรางวัลการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม จาก UNESCO เอเชีย-แปซิฟิก สาขาการออกแบบใหม่ในบริบทมรดก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้รับรางวัลในสาขานี้ด้วย
ป.ล. คำว่า ‘เก๊าไม้’ เป็นภาษาคำเมือง แปลว่า ต้นไม้ หรือ ร่มเงาใต้ต้นไม้ใหญ่
แต่ถ้าเพื่อนบอกว่า ‘เก๊าไม่มีใจ’ แปลว่า คุณอาจกำลังตกอยู่ในสถานะ Friend Zone!