Sign in with:
Google

หลากความหมายในซีน 'ฝนพรำ'

Updated at: 2024-11-24 05:57

บางครั้ง ‘ตัวละคร’ ในหนัง ก็ไม่ได้มาในรูปแบบของ ‘ตัวคน’ เสมอไป บรรยากาศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝนตก หรือฟ้าร้อง ล้วนบอกเล่าเรื่องราว และความรู้สึกได้หลากหลายเช่นกัน 

ทั้ง ๆ ที่การถ่ายทำท่ามกลางสายฝนเป็นเรื่องยาก แต่ทำไมหลาย ๆ ฉากในภาพยนตร์/ซีรีส์ ถึงต้องมี !
วันนี้ เราเลยขอชวนผู้กำกับคนเก่งแห่งบ้าน GDH มานั่งกางร่ม และแชร์ไอเดียเกี่ยวกับ ‘ฝน’ ในหนังด้วยกัน
 


 ฝนสุดมหัศจรรย์ | HOMESTAY 

หนึ่งในซีนสุดมหัศจรรย์จากภาพยนตร์ ‘HOMESTAY’  ก็คือซีนฝนที่ตกย้อนขึ้นฟ้า ซึ่ง ‘ผกก. โอ๋-ภาคภูมิ’ ได้เล่าความหมายที่ซ่อนไว้และความยากลำบากในการถ่ายทำซีนนี้ว่า

“การมีโอกาสใช้ชีวิตอีกครั้งของมินคือเรื่องมหัศจรรย์ จึงอยากให้มี Magic เกิดขึ้นทุกครั้งที่ผู้คุมปรากฏตัว อย่างซีนนี้ก็เลยดีไซน์ให้สายฝนไหลย้อนกลับขึ้นฟ้า แบบเดียวกับนาฬิกาทรายที่ไหลย้อนกลับ ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของชีวิต ที่ได้ย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ของมิน ตอนถ่ายทำซีนนี้ยากมาก เพราะต้องหาวิธีทำให้ฝนดูสมจริงที่สุด ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก ต้องผสาน CG กับภาพจริงด้วย คือเราใส่ใจเรื่องเม็ดฝนทุกเม็ด การขยับ การสะท้อนแสง เราชี้ทีละเม็ดกันเลยว่าเม็ดไหนเอา ไม่เอา เพื่อความสมจริงที่สุด ใช้เวลาเป็นเดือน ๆ เลย“  
 

 ฝนสุดฮา | พี่มาก..พระโขนง 

เจอซีนฝนที่ทั้งซึ้ง ทั้งหลอนกันไปแล้ว คราวนี้มาถึงซีนฝนสุดฮาในเรื่อง ‘พี่มาก..พระโขนง’ ที่นึกถึงทีไรก็ต้องขำน้ำตาไหลทุกที 

“คิดมุกกันว่าถ้าเพื่อนพี่มาก 4 คนที่มีคาแรกเตอร์ซื่อบื้อหน่อย เขาพยายามจะบอกพี่มากว่านาคเป็นผีนะ แต่ไม่กล้าบอกตรง ๆ จะทำยังไง ก็เลยให้เขียนลงกระดาษแทน แล้วคิดต่อว่าถ้าตัวละครเขียนหางของตัวอักษร ผ.ผึ้ง ยาวขึ้นหน่อยคงตลกดี แต่กลัวไม่สมจริง เลยให้มีฝนมาช่วยดีกว่า เพื่อให้กระดาษเปียก และตัวอักษร ผ.ผึ้ง กลายเป็น ฝ.ฝา ก็ตลกดี มีความสมจริงขึ้นหน่อย พอเพิ่มเสียงฟ้าร้องเข้าไปในซีนด้วยก็ยิ่งตลกดี ซึ่งตอนถ่ายทำก็เซ็ตให้เป็นฝนปรอย ๆ เพื่อควบคุมไม่ให้ฝนตกเปียกใส่กระดาษมากเกินไป” - ผกก.โต้ง บรรจง


 ฝนสุดโรแมนติก | ONE YEAR 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ 

มาต่อกันที่ซีนเก็บผ้าในตำนานจาก ‘ONE YEAR 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ’ ที่มาของซีนนี้จะโรแมนติกขนาดไหน ตามไปถาม ‘ผกก. แคลร์-จิรัศยา’ ด้วยกันเลย

“ปกติคนเราจะตกหลุมรักกันนอกบ้าน พอเป็นคู่บูม-เพชร เราอยากให้มีความต่าง เลยเป็นการตกหลุมรักกันในบ้านของพี่คนโตสองคนที่มีความรับผิดชอบ ต้องดูแลน้อง และดูแลบ้าน เราเลยคิดเหตุการณ์ที่บูมกับเพชรจะทำโดยอัตโนมัติเมื่อฝนตก ก็คือการรีบไปเก็บผ้า จริง ๆ ในบทต้องเป็นสนามหญ้าหน้าบ้าน แต่พอเห็นสถานที่จริง เรารู้สึกว่าหลังบ้านโรแมนติกกว่า ได้ความรู้สึกแอบ ๆ ลับ ๆ แถมยังใกล้อ่างล้างจาน ดูเป็นพื้นที่ของสองคนนี้ดี ซึ่งเราชอบซีนนี้มาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เพชรได้รับการดูแลจากคนอื่นบ้าง เป็นซีนที่กระเทาะใจพี่เพชรได้น่ารักเลย“ 

นอกจากความโรแมนติกแล้ว ผกก. แคลร์ ยังเพิ่มเติมด้วยว่า “การที่มีซีนฝนตก มันทำให้เรื่อง ONE YEAR ชัดเจนขึ้น เพราะใน 1 ปีมีหลายฤดูกาล เมื่อฝนตกก็เป็นช่วงเวลาหนึ่ง ที่ทำให้รู้ว่าตอนนี้เรื่องดำเนินมาถึงตรงไหนใน 365 วันแล้ว“


 ฝนก้าวผ่านวัย | Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย 

มาถึงฝนกับการก้าวผ่านวัยในภาพยนตร์เรื่อง ‘Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย’  ฝน กับ วัยรุ่น จะสัมพันธ์กันอย่างไร ‘ผกก.ต้น-นิธิวัฒน์’ เล่าให้เราฟังว่า

“ชีวิตวัยรุ่นก็เหมือนฤดูกาล ที่ต้องผ่านทั้งหน้าร้อน หน้าฝน และหน้าหนาว ต้องผ่านอุปสรรคชีวิตหลากหลายรูปแบบ หมุนเวียนเปลี่ยนกันไป เพื่อเปรียบเทียบว่าความสุข หรือความทุกข์ เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตเราตลอด แต่ไม่นานมันจะผ่านไป ช่วงเวลาที่พระเอก-นางเอกอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่พระเอกให้นางเอกยืมร่ม จนอีกครั้งที่ฝนตกแล้วต้องกลับบ้านด้วยกันอีก นางเอกเอาร่มมาแต่ไม่ยอมใช้เพื่อที่จะได้เดินใต้ร่มคันเดียวกับพระเอก ซึ่งทำให้เห็นความสัมพันธ์ของตัวละครที่เปลี่ยนไปผ่านร่มและฝน 

ตอนถ่ายทำ ผมอยากเห็นภาพเด็กชาย-หญิง 2 คน วิ่งออกไปด้วยกันพร้อมร่มคันเล็ก ๆ และอยากได้ร่มที่มีแสงส่องมาถึง ไม่ใช่ร่มตัน จึงต้องทำร่มใสขึ้นมาใหม่ ผมรู้สึกว่าถ้าเราใส่บรรยากาศของฝนเข้าไปด้วย มันช่วยให้ซีนนี้มีชีวิตชีวา แล้วมันก็มีการก้าวผ่านของช่วงเวลา เพื่อบอกว่าชีวิตกำลังดำเนินไป”


 ฝนสุดระทึก | ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ 

ฝนในเรื่องอื่น อาจจะทำให้รู้สึกโรแมนติก แต่สำหรับสายฝนที่โหมกระหน่ำในภาพยนตร์ ‘ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ’ กลับทำให้คนดูเกิดอาการระทึกขวัญและหลอนติดตาไปอีกนาน ซึ่งเป็นความตั้งใจของ 2 ผู้กำกับ ‘พี่โอ๋-ภาคภูมิ และ พี่โต้ง-บรรจง’ ที่อยากจะสร้างฉากสุดสยองนี้

“เราอยากให้ผีออกมาแบบน่าจดจำ และสยองขวัญที่สุด เลยคิดฉากผีห้อยหัวไต่บันได แล้วคิดว่าถ้ามีสายฝนโปรยลงมาด้วยน่าจะมันมาก ไม่ใช่แค่ห้อยหัวลงมาธรรมดา แต่ห้อยหัวลงมาท่ามกลางสายฝน  โปรดิวเซอร์บอกว่าไม่มีฝนได้ไหม ลำพังแค่ปีนห้อยหัวก็ถ่ายยากแล้ว แต่สุดท้ายเราก็หาวิธีถ่ายทำกันจนได้” - ผกก.โต้ง

“ผมว่า ฝน คือองค์ประกอบที่ทำให้หนังผีดูน่ากลัว และตื่นเต้นกว่าเดิม และรู้สึกว่าฝนช่วยเล่าเรื่องแรงโน้มถ่วงได้ดี ซีนนี้ใช้เวลาถ่ายนานถึง 3 วัน เพราะสมัยก่อนเทคโนโลยีไม่ได้เอื้ออำนวยเหมือนตอนนี้ ถ่ายทำยากมาก อนันดาต้องติดสลิงห้อยหัวจริง ๆ ช่างภาพพลิกกล้องกลับหัวแล้วถ่ายตามนักแสดงกันจริง ๆ” - ผกก.โอ๋

 

 ฝนคือสภาพจิตใจ | บอดี้..ศพ#19 

ความอึมครึมของท้องฟ้า และความเปียกปอนจากสายฝนก็ไม่ต่างอะไรจากสภาพจิตใจของชลสิทธิ์ ตัวละครหลักในเรื่อง ‘บอดี้..ศพ#19’ เลย ‘ผกก.กอล์ฟ-ปวีณ’ เผยความหมายที่แฝงไว้ในสายฝนว่า

“ตั้งแต่ต้นเรื่องก็ฝนตกเลย เพราะเราต้องการให้ฝนสื่อถึงสภาพจิตใจของชลสิทธิ์ สังเกตได้ว่าทั้งเรื่องจะมีฝนตกอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งตอนจบ ฝนถึงหยุดตกและฟ้าเปิด ฝนเลยเป็นเหมือนตัวแทนของกรรมที่ชลสิทธิ์เคยทำไว้ อย่างซีนที่ชลสิทธิ์นั่งรถมากับพี่สาว แล้วเขาออกจากรถไปร้องไห้ท่ามกลางสายฝน เราต้องการสื่อว่าพระเอกสับสน และทนกับสภาวะที่เกิดขึ้นไม่ไหวแล้ว ต่อให้มีพี่สาวมานั่งปลอบใจอยู่ข้าง ๆ เขารก็อยากออกจากสถานการณ์นี้อยู่ดี ถึงฝนจะตกเขาก็ไม่แคร์ มันคือความรู้สึกโดยรวมที่โอบล้อมตัวละครเอาไว้ 

เราต้องการถ่ายเม็ดฝนให้สวยที่สุดเท่าที่จะสวยได้ และเลือกเม็ดฝนเม็ดใหญ่หน่อย ตอนอยู่ในรถฝนจะได้กระแทกรถเสียงดัง ๆ เพิ่มความกดดันให้ตัวละคร แล้วเราก็จัดแสงเป็นฝนกลางวัน เพราะถ้าฝนตกฟ้าครึ้มเห็นเมฆดำ ๆ มาคุณอาจจะคาดเดาได้ว่าฝนจะตก แต่ชะตากรรมของชลสิทธิ์คือไม่รู้อะไรเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยู่ดี ๆ ฝนก็ตกในตอนที่แดดเปรี้ยง”


 ฝนสร้างปัญหา | เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ 

หลาย ๆ คนอาจจะเบื่อทุกครั้งเวลาที่ฝนตก เพราะมันสร้างปัญหามากมาย ตั้งแต่ไม่สบายยันไปถึงติดอยู่ในที่ทำงาน แต่ใครจะไปคิดว่า บรรยากาศฝนตกที่แสนจะโรแมนติกระหว่าง พี่เฟม และ เมย์ไหน ก็สามารถสร้างปัญหาใหญ่ที่คาดไม่ถึงได้เบอร์นี้ จะเป็นปัญหาแบบไหน? ไปฟังจากปากของ ‘ผกก.หมู-ชยนพ’ ผู้กำกับสายฮาคนนี้ได้เลย 

“อยากให้เรื่องไฟฟ้าของเมย์ไหนสร้างความผิดพลาดบางอย่างใส่พี่เฟมซักจังหวะหนึ่ง แล้วมันต้องเป็นจังหวะที่ตัวเมย์ไหนเองก็คาดไม่ถึง จากการอยู่ใต้ชายคาเดียวกันตอนที่พี่เฟมกำลังจะสารภาพรักซึ่งเป็นจุดไคลแม็กซ์ และที่เลือกใช้ ‘ฝน’ เพราะฝนคือน้ำ และน้ำคือตัวนำไฟฟ้าที่ทำให้ไฟช็อตพี่เฟมได้ ฝนจึงกลายเป็นส่วนผสมอย่างลงตัวของซีนนี้ และยังนำไปสู่ซีนที่พี่เฟมมาง้อเมย์ไหนด้วยแอนิเมชั่น ซึ่งมันเป็นการแก้ไขปัญหาจากฉากที่แล้วได้อย่างน่ารักและลงตัวมาก ใครจำไม่ได้ลองกลับไปดูได้เลย เป็นฉากที่เราประทับใจมาก ๆ ”

 

 ฝนรวมเราเป็นหนึ่ง | มหา'ลัย เหมืองแร่ 

เดินทางมาถึงฝนสุดท้ายกันแล้ว จะเรียกได้ว่าฝนในเรื่องนี้ เป็นอีกตัวละครสำคัญของเรื่องก็คงจะไม่แปลก ฝนที่ดูเหมือนมีชีวิต ฝนที่รวมตัวละครให้เป็นหนึ่งจาก ‘มหา’ลัย เหมืองแร่’ มีความหมายอย่างไร ? ไปฟังจากปากของ ‘ผกก.เก้ง-จิระ’ กันเลย

“มหาลัยเหมืองแร่ถ่ายทำที่จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นเมืองที่เขาเรียกกันว่า เมืองฝนแปดแดดสี่ คือหน้าฝนมีถึงแปดเดือนแต่มีหน้าร้อนแค่สี่เดือนภายในหนังเรื่องนี้จึงมีหลายๆซีนที่ให้ความรู้สึก เฉอะแฉะจากฝนที่ตกตลอดเวลา ฝนคือสิ่งที่ทุกคนในเหมืองต้องเจอ กลายเป็นความรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นกรรมกรนายช่าง กุลีจากมาเลเซีย พระเอกที่เรียนจบวิศวกรรมแต่ถูกรีไทล์ออกมา แม้ว่าแต่ละคนจะมาจากต่างครอบครัว มีนิทานตอนเด็ก ๆ คนละเรื่องกัน มีหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะเข้าสู่เหมืองแร่คนละหัวเลี้ยวกัน ในที่สุดแล้วเมื่อทุกคนมารวมอยู่ที่นี้ เราก็จะพบเจอฝนนี้ด้วยกันทุกคน” 

เป็นอีกฝนที่มีความหมายลึกซึ้งจริง ๆ นอกจากนี้พี่ใหญ่แห่งบ้าน GDH ยังเล่าเสริมเกี่ยวกับความยากในการถ่ายซีน ‘ฝน’ เพิ่มเติมด้วยว่า “ตอนถ่ายฉากฝนมันยากและซับซ้อนกว่าที่เราคิด  เพราะเราดันไปช่วงที่ฝนตกน้อย บางทีต้องใช้รถน้ำฉีดขึ้นไปบนต้นไม้แล้วอาศัยถ่ายในช่วงจังหวะที่น้ำตกลงใบไม้เพียง 30 วินาที น้ำบริเวณเรือขุดก็ค่อยๆลดลงจนเห็นเสาค้ำ เราจึงต้องหาน้ำเพื่อใส่เข้าไปในบ่อใหญ่ ๆ ให้ได้ เราสร้างรางสังกะสีขึ้นมาใหม่เพื่อสูบน้ำจากลำธารที่ห่างไป 500 เมตร ตอนนั้นเป็นอะไรที่บ้ามากจริง ฮ่า ๆ”

Share :