ใครที่คุ้นหูกับนามสกุล ‘วงษ์สุทิน’ ของ ‘พี่พาย’ ในภาพยนตร์ HOMESTAY ล่ะก็ ขอเฉลยเลยว่าชื่อนี้มีที่มาจาก ‘แคลร์-จิรัศยา วงษ์สุทิน’ หนึ่งในทีมเขียนบท HOMESTAY นั่นเอง
และวันนี้แคลร์ก็กลายเป็นผู้กำกับซีรีส์ ‘ONE YEAR 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ’ ที่ทำเอาคนดูทุกเพศทุกวัยติดงอมแงมกันทั้งครอบครัว ฝีมือผู้กำกับน้องใหม่แห่งบ้าน GDH ที่มีดีกรีเป็นถึง ‘เจ้าหญิงแห่งวงการหนังสั้น’ ผู้คว้ารางวัลช้างเผือกติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อน !
พร้อมแล้วกระโดดข้ามรั้วบ้าน ONE YEAR มาทางนี้ เราจะชวนทุกคนย้อนกลับไปค้นเรื่องราว 365 วันก่อนฉาย ว่าเบื้องหลังซีรีส์จะยากง่าย สนุกสนาน และอบอุ่นใจขนาดไหน
ผู้กำกับซีรีส์น้องใหม่ ฝีมือไม่ธรรมดา
แคลร์เคยคว้ารางวัลมากมายตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และชนะเลิศรางวัลช้างเผือกติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อน จากเทศกาลหนังสั้นครั้งที่ 16-18 เรื่องแรกที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นในวงการหนังคือเรื่อง ‘กลับบ้าน’ (2554) ต่อมาเรื่อง ‘เด็กสาวสองคนในสนามแบดมินตัน’ (2555) และเรื่องที่สามคือ ‘วันนั้นของเดือน’ (2557) ซึ่งเรื่อง ‘วันนั้นของเดือน’ ยังได้รับรางวัล Jury Mention จากเทศกาลภาพยนตร์สั้น Clermont-Ferrand International Short Film Festival ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นเทศกาลภาพยนตร์สั้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งในซีรีส์ ONE YEAR 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ EP.9 มีหนังสั้นเรื่อง ‘วันนั้นของเดือน’ ซ่อนอยู่ด้วยนะ
ถึงแม้จะเคยทำหนังสั้นมามากมาย
แต่พอโอกาสในการทำซีรีส์ยาวครั้งแรกเข้ามา แคลร์ถึงกับปฏิเสธ!
“ตอนแรกเราไม่อยากทำ เรารู้สึกว่าเราทำหนังสั้นเกี่ยวกับผู้หญิงมาเยอะแล้ว นี่ต้องมาทำเรื่องวัยรุ่นผู้หญิงอีกแล้วหรอ แต่พอเรากลับไปคิด เราก็ค้นพบว่าจริง ๆ ใจเราอยากทำแหละ แต่เราแค่กลัว มันเป็นงานสเกลใหญ่งานแรก เราเลยหาข้ออ้าง แต่พอได้ถามตัวเองดี ๆ ก็รู้สึกว่าเราอยากออกจากเซฟโซน ช่วงนั้นเราไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเรื่องงานกำกับ เพราะไม่ได้ทำนานมานานแล้ว เลยคิดว่าถ้าเราไม่กลับมาทำสักทีเราก็คงจะสงสัยตัวเองอยู่นั่นแหละว่ายังทำได้อยู่ไหม สุดท้ายก็เลยตกลงทำ และดีใจมากที่มีพี่ปิง-เกรียงไกร มาช่วยเป็นโปรดิวเซอร์ รู้สึกสบายใจที่พี่ปิงคอยเป็นสายซับ” - ผกก.แคลร์
พอตอบตกลง ทีนี้ก็ลุยเขียนบท !
แต่ความยากไม่ได้อยู่แค่การเขียนซีรีส์ยาวเท่านั้น แต่เรื่องนี้ดันมีตัวละครเยอะมากกกก
“เราสนใจเรื่องความสัมพันธ์ เพราะมันใกล้ตัวสุด และติดอยู่ในใจเรา เรารู้สึกว่าเรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตเราก็เป็นหนังได้ ทุกคนต่างมีเรื่องราวที่เป็นเฉพาะพิเศษของตัวเอง พอทำซีรีส์เราเลยสนใจทำเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ซีรีส์ ONE YEAR มีทีมเขียนบทมาช่วย ต่างจากตอนทำหนังสั้นที่เราเขียนคนเดียว พอมีทีมแล้วเราได้ถกกัน ได้มองเห็นไอเดียรอบด้านมากขึ้น และเราไม่เคยเขียนบทที่มีตัวละครเยอะขนาดนี้ ตอนแรกก็มึนเหมือนกันนะ 10 กว่าคน แล้วคนละวัยกันด้วย พอบทพ่อแม่เลยมีพี่อัม-อมราพร มาช่วยเขียนบท เขาจะมีมุมมองของผู้ใหญ่และพ่อแม่ ส่วนพี่เป็ด-ทศพล ก็มองในมุมผู้ชาย และมีลี้-จิราพร ที่อยู่ในครอบครัวที่มีคนเยอะเหมือนซีรีส์ และมีมุมมองวัยรุ่นกว่าเรา ซึ่งลี้ก็เคยเล่นหนังสั้นเรื่อง ‘วันนั้นของเดือน’ ให้เราด้วย”
“ทุกคนจะเตือนเราว่าถ่ายซีรีส์มันยาก โหด เพราะเราต้องถ่าย 10 กว่าซีนใน 1 คิว เราก็จะเกร็งเพราะมีเรากับน้อง ๆ BNK ที่เป็นมือใหม่ในกองถ่าย แต่พอถ่ายทำจริง คือ ทีมงานดีมาก ทุกคนตั้งใจ ช่วยกันซัพพอร์ตกัน เราก็เลยโล่งใจขึ้น” - ผกก.แคลร์
นอกจากทีมงานที่เป็นสายซับแล้ว นักแสดงก็เป็นสายซับที่น่ารักเช่นกัน
“อย่างถ่ายคิวสุดท้ายของพี่ดู๋ กองก็จะเศร้า พูดร่ำลากัน พอถ่ายเสร็จพี่ดู๋เลยไม่ยอมกลับบ้าน พี่ดู๋บอกว่า ไหน ๆ มีไรให้ทำไหม เอาไมค์บูมมาถือซิ เรารู้สึกได้ว่าพี่ดู๋ก็มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน กองมีหลายวัย แต่ทุกคนอยู่กันเป็นครอบครัว เราก็รู้สึกดีใจ”
“ส่วนพี่แหม่มเล่นเต็มทุกเทค เราเคยได้ยินจากกองเลือดข้นฯว่าพี่แหม่มเล่นจริงทุกมุม ถึงกล้องไม่ถ่ายเห็นหน้า พี่แหม่มก็เล่น พอมาถ่ายเอง ก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ พี่แหม่มน่ารักมาก ใจเย็น น้อง ๆ เล่นไม่ได้ก็เข้าใจ คอยส่งอารมณ์ให้ตลอด เขากล้าเล่นอะไรหลุด ๆ ด้วย อย่างซีนเจอมาร์ค ต้องเสียอาการสุด ๆ ตอนแรกก็คิดว่าพี่แหม่มจะเล่นไหมนะ แต่ปรากฏว่าพี่แหม่มเต็มที่มาก จนพี่แหม่มหันมาถาม แคลร์พอใจหรือยัง เขาก็เต็มที่ในทุกซีน เราโชคดีที่ได้นักแสดงทุกคนเลย
ไอซ์ซึนี่ทำการบ้านเยอะ มีอะไรมาเสนอตลอด อย่างซีนเสื้อมาร์คที่แฟนคลับให้ ไอซ์ซึก็เป็นคนเสนอว่าอยากให้มี เพราะไอซ์ซึอยากใส่ดีเทลว่ามาร์คเป็นคนที่แคร์แฟนคลับมาก แล้วเสื้อลายหน้ามาร์คตัวที่ใส่เข้าฉาก ไอซ์ซึก็ทำมาเองด้วยนะ
เก้า มาวันแรกเราเครียดเลย เพราะวันอ่านบทเขาจะนิ่ง ๆ คนอื่นอ่านแบบใส่อารมณ์ แต่เก้าไม่ใส่อารมณ์ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเขาตั้งใจที่จะอ่านนิ่ง ๆ เพราะเขาไม่อยากจำแอ็กชันนั้นให้ติดอยู่ในหัว เพราะกลัวจะเล่นออกมาได้แบบเดียว เลยพยายามทำให้ซีนนั้นมันสดใหม่ที่สุด อยากไปรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ณ ตอนถ่ายทำ เป็นนักแสดงที่ประสบการณ์สูงมากจริง ๆ"
ถามถึงนักแสดงน้องใหม่กันบ้าง ได้ร่วมงานกับ BNK ครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง?
“ตอนแรกก็เครียดว่าเราจะกำกับน้อง ๆ ได้ไหม การแสดงคือต้องเป็นตัวละครนั้นจริง ๆ นะ ต้องไม่ติดภาพลักษณ์ตัวตนของตัวเอง แต่พอมาเวิร์กชอปกัน น้อง ๆ ก็เริ่มเข้าใจและมีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อย ๆ
คนที่เราเซอร์ไพรส์สุดเลย คือ ปัญ เพราะปัญพูดแต่แรกเลยว่าหนูไม่ชอบการแสดง แต่หนูอยากชอบ เราเลยห่วงปัญมาก แต่พอถ่ายไปสักพัก เจอซีนหนึ่งที่ทำให้เราประทับใจ เป็นซีนงานแต่งที่มีคนมาจีบเพชร ในบทไม่ได้เขียนให้ปัญทำท่าทางอะไร แต่ปัญกลับมองตามเพชรบูมแล้วทำหน้าสงสัย เราเลยเซอร์ไพรส์ว่าปัญกลายเป็นพลอยไปแล้ว โดยที่เราไม่ต้องคอยบรีฟ บางซีนที่มีตัวละครเยอะแล้วบางคนที่ไม่ได้มีบทต้องแสดงในซีนนั้น เขาอาจจะลืมเล่น แต่ปัญเล่นทุกอันจริง ๆ เราเลยประทับใจที่ปัญละเอียดกับการแสดง อีกฉากที่ปัญเล่นละเอียด คือตอนที่มาร์คบอกว่าเรากำลังจะได้เล่นหนังคู่กอหญ้า แล้วพลอยยิ้ม จริง ๆ ไม่อยู่ในบท แต่ปัญมันเป็นพลอยไปแล้ว เลยมีความรู้สึกดีใจที่เขาได้เล่นหนัง ทั้ง ๆ ที่เขาจะต้องปิดเรื่องความรักก็ตาม
ส่วนวี ตอนแรกเราคิดว่าเป็นเด็กติงต๊อง ไม่คิดเยอะ สนุกสนาน แต่พอเราถ่ายทำเรื่องนี้ เราพบว่าวีเป็นคนจริงจัง มีคนมาเล่าให้ฟังว่าในกองวีจะคงคาแรคเตอร์ของไพลินตลอดเวลา พอมีคนจะเข้าไปคุยกับวีเล่น ๆ วีก็จะหน้านิ่ง ๆ มารู้ทีหลัง น้อง ๆ คนอื่นบอกว่าวีเป็นไพลินอยู่ จะไม่ค่อยคุย เราเลยเซอร์ไพรส์มาก
พูดถึงเจน เราไม่ต้องบรีฟเยอะเลย น้องแสดงดีมาก เจนเป็นทรายได้ถูกใจเรามาก ๆ เห็นภาพตรงกัน สบายใจที่ทำงานกับเจนไม่ห่วงเลย เวลาอยู่ในกองเขาธรรมชาติมาก
ส่วนฟ้อนด์ในบทเขาต้องมั่นใจ กล้าพูดฉอด ๆ แต่ตัวจริง ฟ้อนด์เป็นเด็กสุภาพ เวลาให้ทำหน้ามั่นใจจะทำไม่ได้ ถ้านักแสดงคนอื่นซีนร้องไห้จะยากที่สุด แต่ของฟ้อนด์ ซีนที่ยากสุด กลายเป็นการทำหน้ามั่น ๆ อย่างตอนเต้นนี่ตลกมาก กว่าจะทำหน้าเชิด ๆ แรง ๆ ได้”
สุดท้าย ซีรีส์ ONE YEAR ใกล้จะผ่านไปครบ 365 วันแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง ?
“เรารู้สึกอยากขอบคุณตัวเองที่วันนั้นกล้าตอบตกลงและลองออกมาจากคอมฟอร์ตโซน ขอบคุณที่ตัวเองฮึบ ๆ และรู้สึกดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับนักแสดง และทีมงานที่ดี เป็นประสบการณ์การทำงานซีรีส์ครั้งแรกที่ดีมาก ๆ และเรารู้สึกดีทุกครั้งเวลาเราได้อ่านฟีดแบคที่บอกว่าซีรีส์เรื่องนี้ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของเขา เขาได้เข้าใจคนในครอบครัวมากขึ้น เราดีใจมาก”
มีอะไรจะบอกคนที่ยังไม่เคยดูซีรีส์เรื่องนี้ไหม ?
“คนที่ยังไม่ตัดสินใจดู เราอยากให้ลองเปิดใจนะ เรื่องนี้มีส่วนผสมที่ลงตัวมาก ๆ อย่างพี่ดู๋พี่แหม่มก็ไม่ได้เล่นละครด้วยกันมานาน เรารู้สึกว่ามันพิเศษที่นักแสดง 12 คนนี้จากคนละจักรวาลได้มาร่วมเล่นด้วยกัน เป็นครอบครัว เป็นบ้านที่พิเศษ และเคมีที่เขามีให้กัน เหมือนอยู่ด้วยกันมานานแล้ว รับรองว่าถ้าได้ดู คุณต้องเป็นเหมือนใครสักคนในเรื่องนี้ ดูแล้วเราจะเข้าใจคนรอบข้างมากขึ้น เข้าใจพ่อแม่ได้มากขึ้น ถ้าพ่อแม่ได้ดูก็จะเข้าใจลูก ๆ ในแต่ละแบบได้มากขึ้น”
ติดตามดูซีรีส์ One Year 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ กด FAN ติดดาวกันได้ทาง tv.line.me/oneyeartheseries
#ONEYEARtheseries
#365วันบ้านฉันบ้านเธอ